ข่าวบอล ลดค่าจ้าง ช้าแต่ชัวร์! เรอัล มาดริด ยืนยันนักเตะทุกคนยอมลดค่าจ้างตัวเอง 10%
ข่าวบอล ลดค่าจ้าง โดยก่อนหน้านี้ถูกชื่นชมไปทั่วโลกสำหรับ ลิโอเนล เมสซี่ กองหน้ากัปตันทีมคนเก่ง บาร์เซโลน่า ยอดสโมสรลูกหนังแห่งเวที ลา ลีกา สเปน ลองเจ้าตัว เต็มใจและยินดีอย่างยิ่งที่จะลดค่าเหนื่อยของตัวเอง ท่ามกลางวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “โควิด-19” ไม่ใช่แค่เมสซี่เท่านั้นเพราะ บรรดานักเตะ บาร์เซโลน่า พร้อมใจกันลดค่าเหนื่อยตัวเองถึง 70% เพื่อช่วยสภาพคล่องทางการเงินของสโมสร ขณะที่ เมสซี่ ก็ออกแถลงการณ์ยืนยันถึงเรื่องดังกล่าวด้วยตัวเอง ทว่าการประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่มีกระแสข่าวชวนดรามาว่า
เหล่านักเตะ บาร์ซ่า ไม่เต็มใจที่จะรับค่าเหนื่อยน้อยลงแต่ถึงอย่างไรเรื่องราวทั้งหมดก็จบลงหลังนักเตะบาร์เซโลน่าออกมาชี้แจงว่าทุกคนนั้นเต็มใจ ซึ่งหลังจากนั้นสื่อดังหลายเจ้าของทวีปยุโรปยกย่อง ลิโอเนล เมสซี่ ถึงขั้นใช้ภาพหน้า 1 เป็นภาพตัดต่อให้ เมสซี่ เป็นเหมือน เช เกวาราอดีตนักนักปฏิวัติชื่อดังเลยทีเดียว
ล่าสุดมาช้าแต่มาชัวร์สำหรับ เรอัล มาดริด ยอดสโมสรลูกหนังแห่งเวที ลา ลีกา สเปน ที่ล่าสุด แถลงการณ์ยืนยัน เมื่อวันพุธที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมาว่า บรรดาผู้เล่นและโค้ชจากทีมฟุตบอลชุดใหญ่ รวมถึงสมาชิกในทีมบาสเกตบอล (เรอัล มาดริด บาลอนเซสโต) ได้ตกลงที่จะรับค่าเหนื่อยน้อยลง 10% เป็นอย่างต่ำ ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส “โควิด-19”
นอกจากนี้กลุ่มผู้บริหาร “ราชันชุดขาว” ได้ตกลงที่จะลดค่าจ้างของตัวเองเช่นกัน เพื่อทำให้แน่ใจว่า บรรดาพนักงานในส่วนอื่นๆ ของสโมสรจะยังได้รับค่าจ้างเต็มจำนวน โดยแบ่งเป็นสองกรณีคือ ลด 10% หากศึก ลา ลีกา กลับมาแข่งขันกันต่อได้ แต่หากไม่สามารถดำเนินแข่งให้จบฤดูกาล เรตการหั่นค่าเหนื่อยก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 20% ”
การตัดสินใจครั้งนี้มาจากการตกลงร่วมกันของบรรดานักเตะ, โค้ช และบรรดาพนักงาน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะมีต่อเหล่าลูกจ้าง รวมถึงการสนับสนุนเป้าหมายด้านเศรษฐกิจของสโมสร ที่ตอนนี้มีรายได้ลดลง จากการที่เกมการแข่งขันถูกระงับ” ทั้งนี้ เมื่อเร็วๆ นี้ โทนี่ โครส มิดฟิลด์ตัวเก่ง เรอัล มาดริด ได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับการที่แต่ละสโมสรหั่นค่าเหนื่อยบรรดานักเตะในสังกัด
โดยมองว่า ควรจ่ายให้เต็มจำนวนเหมือนเดิม และปล่อยให้นักเตะเลือกให้ความช่วยเหลือกันเองตามความเหมาะสม ซึ่งปัจจุบันนี้ ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกทะลุ 1.5 ล้านรายแล้ว หลายประเทศในยุโรปเริ่มมีสัญญาณการชะลอตัวของการระบาด ยอดสะสมของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 1,500,830 รายแล้ว
ณ เวลา 03:36 น. วันที่ 9 เม.ย. 2563 โดย 87,705 คนในจำนวนนี้เสียชีวิต ขณะที่ 317,855 ได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว สหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุดในโลก ส่วนประเทศสเปน (146,690 ราย) รายงานพบผู้เสียชีวิตรายวันสูงขึ้นอีกเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันในวันพุธ แต่รัฐบาลยืนยันว่า การระบาดในประเทศเข้าสู่ช่วงชะลอตัวแล้ว
ขณะที่อิตาลีพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 542 ศพ ลดลงจากเมื่อวันอังคาร ทำให้ผู้เสียชีวิตทั้งหมดในประเทศเพิ่มเป็น 17,669 ศพ อิตาลียังมีคนไข้ที่ต้องรักษาในห้องไอซียูลดลงเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน แต่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มจากวันก่อนหน้านี้เล็กน้อย